วัดสุทัศน์ วัดสุทัศน์ ภาษาอังกฤษ พิกัดขอพรวัด สมองปรอดโปร่ง ปัญญาดี สอบสนามไหนก็ไม่กลัวบ้ง
วัดสุทัศน์ สำหรับวัดสุทัศนเทพวราราม ประวัติวัดสุทัศน์ เดิมทีในสมัยรัชกาลที่หนึ่ง พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้พระราชทานนามว่า “วัดมหาสุทธาวาส” แต่เมื่อเข้าสู่รัชกาลที่สี่ จึงได้มีการเปลี่ยนใหม่ เพื่อต้องการสื่อถึง สุทัสสนซึ่งเป็น นครบนเขาพระสุเมรุ หรือที่ประทับของ
พระอินนั่นเอง ที่นี่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมที่งดงาม และ ทรงคุณค่าทางด้าน ประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธรูป สมัยสุโขทัย ตำนานอันน่าสะพรึง ของเปรต วัดสุทัศน์ นอกจากนี้ สถานที่แห่งนี้ ยังเป็นอีกหนึ่งพิกัด ขอพรของชาวไทย โดยเฉพาะการขอพรเรื่องสติปัญญา และ เรื่องโชคลาภด้านทรัพย์สิน มังงะ
ตำนานอันน่าสะพรึง เปรตวัดสุทัศน์สุดหลอน คำเล่าขานจากอดีตถึงปัจจุบัน
ในอดีตเชื่อว่าวัดแห่งนี้ ก็คือประตูผี ประตูที่เปิด เข้าสู่โลกของวิญญาณ นี้ถึงกลายเป็น ตำนานที่เล่าขาน กันมาจนถึงปัจจุบัน เพราะในสมัยรัชกาลที่สอง ได้เกิดโรคระบาด ทั่วกรุงเทพ ประชาชนล้มตายกันเป็นเบือ สามารถจัดการศพ ได้ทันเวลา นำไปทิ้งไว้ภายใน บริเวณวัดสระเกศ อยู่ใกล้กันกับ
วัดสุทัศนทพวราราม ส่วนเรื่องของเปรตนี้ มีปรากฏในประติมากรรม ฝาผนังของโบสถ์ และว่ากันว่า เคยปรากฏกายหยาบ ให้กับชาวบ้านที่อยู่ ในละแวกนั้นได้เห็นกัน เปรตนี้ จะมีมือใหญ่เท่าใบลาน ตัวสูงใหญ่เหมือนต้นตาล แต่ผอมเกร็ง เพราะปากของเปรตเล็กเท่ารูเข็ม ไม่สามารถกินอาหารได้
เหมือนปกติ นี้จึงใช้เป็นกุศโลบาย ในการสั่งสอน ให้พุทธะศาสนิกชน หมั่นทำความดี แต่บางครั้ง ก็สันนิษฐานว่า เงาเปรตสูงใหญ่ ที่ชาวบ้านเห็นกันนั้น คงไม่แคล้วเป็นเงาของเสาชิงช้า ที่อยู่หน้าวัดนั่นเอง วัดสระเกศ
ขอพรจากพระประธานในวัด เพิ่มพูนปัญญา
มีความเชื่อว่า หากคุณมีโอกาส ได้ไปขอพรที่วัดสุทัศนเทพวราราม ไม่พลาดที่จะไปไหว้ พระประธานในโบสถ์ ซึ่งก็คือพระศรีศากยมุนี เชื่อว่าการขอพร จากท่านจะช่วย ส่งเสริมสติปัญญาที่ดีของคุณ ให้เพิ่มพูนมากยิ่งขึ้น ช่วยให้มีวิสัยทัศน์ ที่กว้างไกล จดจำในสิ่งที่ร่ำเรียน มาได้อย่างถ่องแท้
น่าแปลกใจ เมื่อใกล้ฤดูกาล แห่งการสอบบรรจุ หรือ การสอบที่สำคัญในพระอุโบสถ จะคับคั่งไปด้วย ประชาชนชาวไทย ที่มากราบไหว้ขอพร พระศรีศากยมุนีนี้ ถือเป็นพระที่หล่อ ด้วยโลหะสำริดองค์ใหญ่ที่สุด ในสมัยสุโขทัย เป็นพระเก่าแก่ ที่มีการหล่อขึ้น ในสมัยพระยาลิไท ด้านหลังของบัลลังก์ ที่ประดิษฐานพระประธานองค์นี้ มีแผ่นศิลาเก่าแก่ ซึ่งเป็นศิลปะการสร้าง แบบทวารวดี อยู่หลายคนเรียกว่าสมัยทวารวดี
ท้าวเวสสุวรรณบันดาลโชค
อย่างที่สายมูเตลู ทราบกันดีว่าท้าวเวสสุวรรณ ซึ่งเป็นหนึ่งในท้าวจตุโลกบาล อยากจะเป็นยักษ์ผู้ปกปักรักษา ขุมทรัพย์ของแผ่นดินแล้ว ก็ยังเป็นนายใหญ่ของผีทั้งปวง จากเรื่องเปรต มีการแพร่สะพัดไปทั่ว ทางวัดจึงได้จัดสร้าง ท้าวเวสสุวรรณขึ้นมา เพื่อเป็นการข่ม ดวงวิญญาณ ไม่ให้ไป
ตามรังควานชาวบ้าน ก็เป็นเรื่องแปลก ที่หลังจากมีการสร้าง ท้าวเวสสุวรรณก็ไม่ปรากฏ เรื่องเปรตอีกเลย อีกทั้ง วัดสุทัศนเทพวราราม เป็นวัดที่ขึ้นชื่อ เรื่องการสร้างวัตถุมงคล นั่นก็คือพระกริ่ง ที่นี่จึงเป็นต้นตำรับ ในการปลุกเสกท้าวเวสสุวัณ เพื่อให้ชาวบ้าน ได้นำไปกราบไหว้บูชา เสริมโชคลาภ
และปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย ที่มองไม่เห็น ความแตกต่างของ ท้าวเวสสุวรรณที่นี่กับที่อื่น คือ ท้าวเวสสุวรรณ จะเป็นองค์เล็ก ไม่โอ่อ่าอลังการ เหมือนกับวัดอื่น ๆ แต่ขึ้นชื่อเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ ใครที่มีปัญหาเรื่องเงินทอง หรือ ต้องการโชคลาภ ก็มักจะไปขอพรจากท่าน หากอธิฐาน ด้วยใจบริสุทธิ์ มีจิตใจที่ตั้งมั่น เรื่องปัญหาการเงิน ที่กำลังอยู่ในความวุ่นวาย ก็จะคลี่คลายไป ในทางที่ดี เจ้าอาวาสวัดสุทัศน์
วัดสุทัศน์ มีพระพุทธรูปที่สร้างจากกลักใส่ฝิ่น
ฟังแล้วต้องอึ้ง อย่างแน่นอน หากคุณรู้ว่าพระพุทธเสรฏฐมุนี ที่มีองค์สีทองอราม แท้จริงแล้วสร้าง จากกลักฝิ่น จึงถือเป็นพระพุทธรูป องค์เดียวในโลก และสร้างขึ้น ในสมัยรัชกาลที่ 3 โดยในสมัยนั้น เป็นช่วงที่มีการเสพติดฝิ่น และ มีการปราบปราม อย่างเข้มงวดการสร้างพระพุทธรูปองค์นี้
จึงเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ แห่งการต่อต้าน สารเสพติดชนิดนี้ เพราะเป็นสารเสพติด ที่บั่นทอนจิตใจ และ สุขภาพของคนในประเทศ อดีตพระพุทธรูปองค์นี้ มีชื่อว่าพระกลักฝิ่น แต่ภายหลังรัชกาลที่สี่ จึงพระราชทานนามว่า พระพุทธเสรฏฐมุณี เพื่อเป็นสิ่งเตือนใจ ให้กับประชาชน และ เป็นการบ่งบอกว่าทุกคน สามารถกลับตัวกลับใจ เป็นคนดีได้เช่นกัน วัดสุทัศน์อยู่ที่ไหน
เป็นวัดที่ใช้ประกอบพิธีเสกน้ำอภิเษกรวม
หากกล่าวถึง พิธีการที่ยิ่งใหญ่ และสำคัญที่มีการ สืบทอดกันมา ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ก็ต้องยกให้ พระราชพิธีบรมราชาภิเษก ของในหลวงรัชกาลที่ 10 ซึ่งต้องมีการใช้น้ำศักดิ์สิทธิ์ จากทั่วสารทิศ ของประเทศไทย แต่เมื่อรวบรวมน้ำอภิเษกได้ จนครบแล้ว ก็จะมีการทำพิธีเสก น้ำพระพุทธ
มนต์ ณ โบสถ์วัดสุทัศน์ เทพวราราม หลายคนคงสงสัยว่า เหตุใดวัดนี้ จึงได้ใช้เป็นสถานที่ ประกอบพิธีอันสำคัญแห่งยุค นั่นก็เพราะ ในสมัยรัชกาลที่ 1 ได้โปรดเกล้าให้สร้าง วัดสุทัศนเทพวราราม เพื่อให้เป็นวัดศูนย์กลาง ในกรุงเทพฯ ที่นี่จึงเปรียบเสมือน เขาพระสุเมรุซึ่งเป็น ศูนย์กลางของจักรวาล ศูนย์กลางของ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์
ชื่นชมความงามของ พระอุโบสถที่ยาวที่สุดในประเทศไทย
อยากไปชมพระอุโบสถ ที่งดงามและยาวที่สุด ในประเทศไทยสามารถไปเยี่ยมชมได้ที่ วัดสุทัศนเทพวราราม ที่มีความยาวถึง 72.25 เมตร ความวิจิตรงดงาม และ ความโดดเด่นของ พระอุโบสถแห่งนี้ คือการสร้าง เกยโปรยทาน อยู่บนกำแพงแก้ว ทั้งทิศเหนือและทิศใต้ ภายในพระอุโบสถ ยังประกอบ
ไปด้วย จิตรกรรมฝาผนังที่งดงาม ทรงคุณค่า ซึ่งเป็นเรื่องราว เกี่ยวกับวรรณคดีชื่อดัง ของไทยนั่นก็คือ รามเกียรติ์ และเรื่องสุทัศนนคร เท่านั้นยังไม่พอบริเวณโดยรอบของพระอุโบสถก็ยังมีเครื่องศิลาจีน มีเจดีย์จีน ตุ๊กตาจีน สัตว์ในเทพนิยายของจีน ที่นี่จึงเปรียบเสมือน ศูนย์รวมแห่งความ
เลอค่า ของสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ที่หาชมได้ยาก แม้จะผ่านกาลเวลา มาอย่างยาวนาน แต่ที่นี่ยังคง ความงามอย่างสมบูรณ์แบบ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ วัดสุทัศน์ เป็นอีกหนึ่งเป้าหมาย ของนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทย และ ชาวต่างประเทศ ตอบโจทย์ ทั้งสายมูเตลูที่ต้องการ ไปขอพรแบบรอบด้าน
และผู้ที่ชื่นชอบ การถ่ายภาพ นอกจากปฏิมากรรม ภายในวัดแล้วที่นี่ ยังมีเสาชิงช้า ซึ่งใช้ประกอบพิธีโล้ชิงช้า ของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู อีกทั้ง บริเวณรายรอบ ยังมีสถาปัตยกรรมเก่าแก่ อีกหลายแห่งให้ ไปเยี่ยมชมอีกด้วย