ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองกรุงเทพ กับการก่อสร้างที่น่าสะพรึง!

ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง หากมีการตั้งเมืองหรือ สถาปนาเมืองขึ้นที่ใด ก็จะมีการตั้งเสาหลักเมืองขึ้น เป็นสิริมงคล ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสมุทรปราการ แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่า ในการทำเสาหลักเมืองนั้น จะเอาคนเป็น ๆ โยนลงไปในหลุม  จากนั้นก็จะใช้เสาเข็มเมืองทับเอาไว้ เพื่อต้องการให้ ดวงวิญญาณ

 

เหล่านั้น กลายเป็นผู้ปกปักรักษาเมือง เรื่องนี้ไม่ค่อยถูกพูดถึงนัก แต่กระแสฮือฮากลับถูกกระพือ ขึ้นอีกครั้งในสมัยที่ละครเรื่อง เจ้ากรรมนายเวรออนแอร์ หากจะกล่าวถึง การตั้ง เสาหลักเมือง หรือ ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ก็ต้องย้อนไป ตั้งแต่กรุงสุโขทัย กันเลยทีเดียว พิธีกรรมนี้ได้รับอิทธิพล

 

มาจากความเชื่อของพราหมณ์ ดังนั้นผู้ที่จะมาเป็น เสาหลักเมือง ทั้ง 4 ด้านก็ต้องมีลักษณะ ถูกต้องตาม การพยากรณ์ของพราหมณ์ และจะใช้ผู้ที่มีชื่อ อิน จัน มั่น คง มังงะ

 

ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง

ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ที่เดียวในประเทศไทย คือที่ไหน  

ในการทำศาลหลักเมือง หากสังเกตให้ดีจะพบว่า จุดที่คนเข้าไปสักการะบูชา หรือทำเป็นศาลครอบไว้ จะเป็นต้นเสาไม้ ที่พันด้วยผ้า 7 สี ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ประวัติ ซึ่งเสาไม้เหล่านี้ จะต้องเป็นไม้มงคล ที่สื่อถึงชัยชนะ ต้นไม้ที่ถูกนำมาใช้ ก็จะเป็นต้นชัยพฤกษ์ บ้างก็ใช้ต้นราชพฤกษ์ แล้วแต่ว่า

 

พราหมณ์จะคัดเลือก เป็นไม้ต้นใด ส่วนการแกะสลักนั้น จะใช้การแกะสลักเลียน แบบเสาหินใบเสมา แต่ที่นิยมกันทั่วไปก็คือ การทำเป็นเสากลมแล้ว ปลายยอดมีลักษณะ คล้ายกับดอกบัวตูม ศาลหลักเมืองในบ้านเรา เสาหลักเมืองเดิมมีลักษณะเป็นเสาไม้ยาว มีการสร้างขึ้นหลายแห่ง ซึ่งตัวสารหรือ

 

ตัวศาลาจะมีการออกแบบ ให้เข้ากับความเชื่อ และวัฒนธรรมของคน ในพื้นที่เหล่านั้น บางครั้งก็อาจจะ เป็นปราสาท บางแห่งเป็นศาลเจ้าแบบจีน บางที่ก็เป็นศาลเจ้าแบบไทย แต่หนึ่งในศาลหลักเมือง ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดก็คือ “ศาลหลักเมืองกรุงเทพฯ” และเป็นที่เดียว ในประเทศไทยที่มีเสา 2 ต้น

 

เป็นเสาหลัก จึงถือเป็นศาล ที่ค่อนข้างแปลก เพราะเสาต้นแรก สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 ถือเป็นสัญลักษณ์ ในการสถาปนา กรุงรัตนโกสินทร์ และเสาที่ 2 สร้างขึ้นในรัชกาลที่ 4 ไหว้พระพุทธโสธร

 

ความเชื่อของคนไทย ทำไมต้องมี

แทบทุกจังหวัด ในประเทศไทย จะมีการจัดตั้งศาลหลักเมือง เสาหลักเมืองเดิมมีลักษณะเป็นเสาไม้ยาว ซึ่งเปรียบเสมือน กับเจ้าผู้ดูแลเมืองหรือ จังหวัดนั้นให้ร่มเย็นเป็นสุข นั้น จะมีการลงรักปิดทอง ส่วนยอดหรือภายในเสา ก็จะบรรจุดวงชะตาเ มืองเอาไว้ ในทุกปีจึงมีการ

 

สมโภชศาลหลักเมือง ก็จะถือเป็นการบูชา ดวงชะตาเมือง ไปพร้อมกัน ศาลหลักเมือง ก็จะเป็นชนชั้นปกครอง ส่วนศาลปู่ตา ของแต่ละหมู่บ้าน ก็จะเปรียบเหมือนกับ ผู้ใหญ่บ้าน ด้านศาลตายาย จะเปรียบเสมือนชนชั้นราษฎร ที่คอยปกปักรักษาสมาชิก ในบ้านอีกทอดหนึ่ง นี่จึงอนุมาน

 

ได้ว่า ในแต่ละจังหวัดด้านความเชื่อ ทางจิตวิญญาณนั้น ศาลหลักเมืองจึงถือเป็นใหญ่ เป็นผู้ปกครองสูงสุด ที่ควรไปสักการะกราบไหว้ โดยเฉพาะคน ที่เพิ่งย้ายไปอยู่ในจังหวัดนั้น หรือต้องการสอบบรรจุ ให้ติดในจังหวัดดังกล่าว ก็เหมือนกับ การไปฝากเนื้อฝากตัว เป็นลูกเป็นหลาน ให้ท่านเอ็นดูและ คอยเอาใจช่วยนั่นเอง

ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง

ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ประวัติความเป็นมาของ ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสมุทรปราการ

สำหรับจังหวัดสมุทรปราการ เป็นจังหวัดที่ขึ้นชื่อว่า เป็นเขตอุตสาหกรรม ของประเทศไทย เป็นปริมณฑลที่แวดล้อมไปด้วย นิคมอุตสาหกรรม ผลิตอาหารทะเล มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย เป็นแหล่งที่อุดมไปด้วย ความเจริญทางด้านวัตถุ และเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ มีคนหลากเชื้อชาติ

 

หลักภาษารวมถึงคนต่างถิ่น นิยมเข้าไปทำงานกันที่นั่น แต่ไม่ว่าจะมาจากที่ใด แหล่งรวมใจของชาวสมุทรปราการ ก็คือศาลหลักเมือง ที่ถูกก่อสร้างมานาน เกือบ 200 ปีแล้ว ที่นี่ศาลหลักเมือง จะค่อนข้างแตกต่าง จากที่อื่นอย่างชัดเจน เพราะจะมีเจ้าพ่อ คุ้มครองเมือง ตามความเชื่อของจีน และ เสาหลักเมือง ตามความเชื่อของพราหมณ์ แต่ชาวสมุทรปราการ ก็จะเรียกทั้งสองแห่งนี้ รวมกันว่า “ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง

 

-เสาแบบจีน จะใช้ไม้มงคล สูงประมาณ 6 ศอกเศษ บริเวณปลายเสา ก็ทำเป็นยอดพุ่ม เหมือนกับของไทย แต่จะมีมังกรเกี้ยวเสา

 

-เสาแบบไทย จะใช้ไม้ชัยพฤกษ์ ที่ความสูงประมาณ 6 ศอก มีการปิดทอง ฝังแผ่นยันต์ ปลายยอดเป็นทรงดอกบัวตามขนบ

 

สำหรับศาลหลักเมือง ในสมุทรปราการ เสาหลักเมืองเดิมมีลักษณะเป็นเสาไม้ยาว ก่อสร้างตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 2 พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เดิมทีการก่อตั้งศาลหลักเมือง บริเวณศาลาจะเป็นอาคารทรงไทย ที่ทำจากไม้ ทว่าต่อมาในภายหลัง ได้มีการบูรณะใหม่ และปรับเปลี่ยน

 

รูปแบบตามความนิยม ของผู้อยู่อาศัย ซึ่งในขณะนั้นชาวสมุทรปราการ มักจะเป็นชาวไทยเชื้อสายจีน เสียส่วนใหญ่ จากศาลาทรงไทย จึงกลายมาเป็นศาลหลักเมือง เสาหลักเมือง คล้ายกับศาลจีน

 

ประวัติความเป็นมา ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองเจ้าพ่อวิเชียรโชติ ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสมุทรสาคร

 

ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสมุทรสาคร มาที่จังหวัดสมุทรสาคร กันบ้าง ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองของสมุทรสาครนั้น จะมีทั้งศาลเจ้าพ่อวิเชียร และศาลาตั้ง เสาหลักเมือง มาเริ่มกันที่ ศาลเจ้าพ่อวิเชียรกันก่อน ซึ่งใช้วิธีการแกะสลัก ให้มีรูปทรงคล้ายกับใบเสมา แต่ภายในใบเสมานั้น จะสลักภาพนูนต่ำ ของเจ้า

 

พ่อวิเชียรโชติ ลักษณะของท่าน มีความคล้ายคลึงกับ พระสยามเทวาธิราช ประทับอยู่ในท่ายืน สำหรับเจ้าพ่อวิเชียรโชติ ไม่ได้ใช้ไม้ชัยพฤกษ์ หรือไม้ราชพฤกษ์เช่น ศาลหลักเมืองในจังหวัดอื่น แต่จะใช้ไม้โพธิ์มาแกะสลัก เสาทั้งเสาจะถูกปิดทับ ด้วยทองคำบริสุทธิ์ มีความเชื่อว่า ก่อนที่ชาวสมุทรสาคร

 

จะออกเรือต้องมีการ ทำพิธีสักการะท่านก่อนทุกครั้ง และจะต้องจุดประทัด ให้ดังสนั่นหวั่นไหว เสริมสิริมงคลและ การเดินทางปลอดโปร่ง ปลอดภัยกลับมา

 

ในประเทศไทย เสาหลักเมือง ที่ใหญ่ที่สุดก็ตั้งอยู่ ในจังหวัดสมุทรปราการ นี่เอง เสาหลักเมืองเดิมมีลักษณะเป็นเสาไม้ยาว ซึ่ง เสาหลักเมือง นี้ ก็ตั้งอยู่ใกล้ ๆ กับศาลเจ้าพ่อวิเชียรโชติ อาคารที่ตั้งจะแบ่งเป็น 2 ชั้นชั้นแรกจะเป็น ฐานเสาหลักเมืองส่วนชั้น 2 จะเป็นยอดของ เสาหลักเมือง มีความสุข

 

ประมาณ 7.8 เมตร ถือเป็น เสาหลักเมือง ที่สูงที่สุดในประเทศไทย ศาลเจ้าพ่อ หลักเมือง ราชบุรี และทุกปี ก็จะมีพิธียิ่งใหญ่ ในการแห่เจ้าพ่อหลั กเมืองทางน้ำ โดยยึดเอาวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 5 ของจันทรคติ องค์ประกอบ ภายนอกของสาหร่าย จะเป็นการก่อสร้าง แบบเก๋งจีน ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ

 

และยังสามารถนั่งเรือข้ามฟาก ไปท่าฉลอมได้ มีคำกล่าวว่าศาลหลักเมือง เจ้าพ่อวิเชียรโชติ เป็น เสาหลักเมือง ที่งดงามที่สุด ในประเทศไทย อีกทั้งทัศนียภาพที่อยู่ รายล้อมก็ยังร่มรื่นชวน ให้ผ่อนคลาย ที่นี่จึงเป็นมากกว่า ศูนย์รวมใจของชาวสมุทรสาคร แต่ยังเป็นสถานที่ พักผ่อนอีกด้วย

 

นอกจากการไป ขอพรกับเจ้าพ่อวิเชียรโชติ ภายในศาลเจ้า ก็ยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวไทย เคารพศรัทธาอีกหลายองค์ ให้สักการะบูชา เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคล ให้กับผู้มากราบไหว้